
อาการแพ้ยาสีฟัน พบไม่บ่อยนัก แต่หากคุณเริ่มใช้ยาสีฟันชนิดหนึ่งแล้วมีอาการ เนื้อเยื่อในช่องปากหลุดลอก ระคายเคือง ปากดำลอก มีอาการบวม รวบๆปาก หรือระคายเคืองรอบๆปาก อาจจะเป็นไปได้ว่าคุณเริ่มมีอาการแพ้สารในยาสีฟันชนิดนั้นๆแล้ว
ผู้ป่วยที่พบว่ามี อาการแพ้ยาสีฟันส่วนใหญ่จะแพ้ที่สารแต่งกลิ่นรส (หากใครรู้สึกว่าแพ้ยาสีฟัน อาจจะต้องเปลี่ยนสารแต่งกลิ่นแต่งรส เป็นอันดับแรก) เช่น ชินนามอน (cinnamon), สเปียร์มินต์ (spearmint), เป๊บเปอร์มินต์ (peppermint), น้ำมันหอมระเหยคาร์โวน (carvone) และน้ำมันหอมระเหย ชนิด anethole.


เพราะว่าเราแปรงฟันกันทั้งชีวิต คนอเมริกันแปรงฟันใช้เวลารวมกันทั้งชีวิตมากกว่า 38.5 วันติดต่อกัน ( ที่มา Academy of Periodontology)
ส่วนประกอบของยาสีฟันที่มีขายตามท้องตลาด ประกอบด้วย ผงขัด สารซักฟอก สารที่ใช้ยึดเหนี่ยว (binding agent) สารที่ช่วยดูดซับน้ำ (Humectant) วัตถุกันเสีย (preservative) สารแต่งสี ฟลูออไรค์ และสารแต่งกลิ่นรส

ยาสีฟันแบบหลอดที่เราใช้แปรงฟันกันนั้น เริ่มมีการผลิตขึ้นมาช่วงปี 1800 สารแต่งกลิ่นรส เป็นสิ่งแรกที่ใช้เป็นส่วนผสม เนื่องจากทำให้ผู้บริโภคสนุกกับการนำไปใช้ และช่วยให้ลมหายใจหอมสดชื่น ซึ่งพบว่าอาการแพ้ยาสีฟันส่วนใหญ่นั้นเกิดจากสารเหล่านี้ ซึ่งส่วนประกอบอื่นๆในยาสีฟันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้น้อยกว่า
งานวิจัยชิ้นหนึ่งได้ทำการรีวิว* ยาสีฟันที่มีขายตามท้องตลาดในอเมริกา 80 ยี่ห้อ และได้ตรวจสารที่อาจจะทำให้เกิดการแพ้ยาสีฟัน พบว่ามีสารที่อาจจะทำให้เกิดการแพ้ได้ดังนี้
อันดับที่ 1 สารแต่งรสชาติ และสารอื่นๆที่ไม่สามารถระบุได้ ซึ่งมีส่วนผสมในยาสีฟันคิดเป็น 93% ของยาสีฟันที่มีขายในท้องตลาด สารที่พบมากได้แก่ มินต์ หรือชินเอมอน
หากใครรู้สึกว่าแพ้ยาสีฟัน ถ้าใช้รสมินต์ หรือชินเอมอน อาจจะลองเปลี่ยนเป็นรสอื่นแทน เช่น รสองุ่น สตรอเบอรรี่ ส้ม มะม่วง หรือ แครอทแทน
อันดับที่ 2 โคคามิโดโพรพิล บีเทน (cocamidopropyl betaine (CAPB)) ซึ่งมีส่วนผสมในยาสีฟันคิดเป็น 20% ของยาสีฟันที่มีขายในท้องตลาด ซึ่งเป็นสารผสมในยาสีฟันเพื่อลดแรงตึงผิว
อันดับ 3 โพรพิลีน ไกลคอน (PG (Propylene glycol)) ซึ่งมีส่วนผสมในยาสีฟันคิดเป็น10% ของยาสีฟันที่มีขายในท้องตลาด เป็นตัวทำละลายในยาสีฟัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทนความร้อน หรือทนอุณหภูมิร้อนเย็น
นอกจากนั้นจะเป็นจำพวก E (Essential oils and biological additives),P (Parabens),เปปเปอร์มินต์,วิตามินE และสารอื่นๆ
จริงๆแล้วคนเราจะมีอาการแพ้แตกต่างกัน ดังนั้น หากเกิดอาการแพ้ยาสีฟัน ทางที่ดีที่สุดคือไปที่สถาบันโรคผิวหนัง หรือโรงพยาบาลที่มีแพทย์เฉพาะทางผิวหนัง เพื่อตรวจสอบสารที่แพ้ ที่อยู่ในยาสีฟัน ว่าเราแพ้อะไร
หรือลองหยุดใช้ยาสีฟันตัวเก่า และลองหาซื้อรสอื่น ที่ไม่ใช่รสที่แพ้อยู่ และลองสังเกตอาการดูนะครับ
ส่วนใครที่มีอาการแพ้ เพื่อการรักษา ไปพบแพทย์ผิวหนังดีที่สุดนะครับ
* J Clin Aesthet Dermatol. 2010 May; 3(5): 42–47.